:: ผู้อำนวยการโรงเรียน ::
นายชัชชัย พุทธสุวรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
Graphical counter from SEP 2550
Oh no! Where's the
JavaScript ?
Your Web browser does not have JavaScript enabled or does not support JavaScript. Please
enable JavaScript on your Web browser to properly view this Web site,
or
upgrade to a Web browser that does support JavaScript;
Firefox ,
Safari ,
Opera ,
Chrome or a version of
Internet Explorer newer then version 6.
ผมกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึง ชื่อ 2012 วันสิ้นโลก ซึ่งเป็นหนังสือแปลโดย ทรงพล ศุขสุเมฆ ที่แปลมาจากหนังสือที่เขียนโดย LAWRENCE E. JOSEPH
เหตุที่ซื้อมาอ่านเพราะได้ดูหนังเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก นี่แหละ เพราะยังไม่เข้าใจว่ามันจะสิ้นโลกได้อย่างไร
พออ่านไปได้สักครึ่งเล่มก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เพราะเรื่องราวที่ผู้เขียนเขียนขึ้นมานั้น เขียนขึ้นจากสมุติฐานที่มีความน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และมีงานวิจัยในเรื่องทางธรณีวิทยา ในเรื่องลมฟ้าอากาศประกอบ ตลอดจนคำบอกเล่าของคนรุ่นต่อรุ่นในเผ่ามายาที่เป็นต้นเรื่องที่ว่า 211212 จะเป็นวันที่มีความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ และของโลก
หลักฐานทั้งเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้าย หลักฐานทางธรณีวิทยาที่มีความเคลื่อนไหวในชั้นแมกม่า ใต้ภูเขาไฟเยลโล่สโตน ที่ถ้ามันระเบิดออกมาจะก่อให้เกิดความหายนะให้แก่ทวีปอเมริกาทั้งทวีป และก่อให้เกิดเมฆนิวเคลียร์ที่จะบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังพื้นโลกเป็นเวลานับสิบปี ซึ่งจะก่อให้โลกทั้งโลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง วงจรชีวิตในโลกจะถูกตัดขาดสะบั้น ผู้คนล้มตายเกือบทั้งหมด อาจจะมีมนุษย์เหลือรอดเพียงไม่กี่พันคน นั่นเท่ากับว่ากลับไปนับหนึ่งกันใหม่ของวงจรพัฒนาการของมนุษยชาติ
อ่านแล้วก็พยายามจะหาข้อโต้แย้งไม่ให้เชื่อไปตามที่คนเขียนบอกเล่า ... แต่ข้อเขียนที่แน่นไปด้วยเหตุผลและหลักฐานอ้างอิง มันทำให้ผมหวั่นไหวว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ที่ว่าจริงๆ
โลกที่ร้อนขึ้น ร้อนขึ้นนี้ จะส่งผลให้ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มีในโลกนี้ระเบิดขึ้นได้หรือไม่ ผมกำลังติดตาม
แต่ที่แน่ๆผมรู้ว่าสหรัฐนั่นเองอาจเป็นตัวเร่งให้ภูเขาไปเยลโล่สโตนระเบิดตูมตามขึ้นมา เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชัดชี้ว่า ที่บริเวณแอ่งของภูเขาไฟนั้นมันโก่งตัวขึ้นมาอย่างน้อย 2 ฟุตแล้ว นั่นหมายความว่าแรงดันมหาศาลใต้ภูเขาไฟลูกนี้กำลังพยายามหาทางดันตัวเองออกจากแหล่งกักเก็บ ที่มีความกว้างประมาณ 20 กิโลเมตร และยาวประมาณ 40-50 กิโลเมตร ถ้ามันระเบิดออกมาเขาบอกว่าแรงอันมหาศาลของมันจะกระแทกก้อนหินที่ปากแอ่งขนาดกว้าง 200 เมตร ปลิวไปไกลเป็น 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทีนี้สหรัฐเร่งจุดระเบิดมันอย่างไร... ในหนังสือบอกว่า รัฐบาลสหรัฐอนุมัติให้มีการขุดเจาะหาน้ำมันในอุทธยานแห่งชาติเยลโล่สโตนมากกว่า 6500 บ่อ และกำลังอนุมัติให้ขุดเจาะเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากความต้องการพลังงานในสหรัฐมีมากขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นั่นอาจจะเป็นการไปรบกวนหรือเป็นตัวเร่งที่เจ้าแมกม่าที่กำลังจะหาทางออกให้ออกมาได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เพราะแต่ละบ่อที่เจาะนั้นเขาเจาะลึกลงไปใต้พื้นโลกหลายกิโลเมตร
ถ้ามันระเบิดตูมขึ้นมา....เถ้าถ่านที่มันพ่นออกมานั้นสามารถปกคลุมทวีปอเมริกาได้ทั้งทวีปหนาเป็นสิบเมตรเลยทีเดียว แล้วอะไรมั้นจะไปเหลือล่ะครับท่าน
นอกจากนั้นไอน้ำและเถ้าละเอียดของมันจะพุ่งสูงไปในบรรยากาศกลายเป็นเมฆนิวเคลียร์ปกคลุมชั้นบรรยากาศโลก บดบังแสงอาทิคย์ไม่ให้ผ่านเข้ามาทำให้อุณหภูมิในโลกลดลง...เวลาเนิ่นนานไปอุณภูมิโลกจะลงไปต่ำกว่าจุดเยือกแข็งนานนับสิบปี ยุคน้ำแข็งจะตามมานับพันปี
หรือว่านี่คือการปรับสภาพของโลกที่เมื่อมันร้อนขึ้นจนโลกทนไม่ได้ มันก็ปรับสภาพตัวมันให้เย็นลง
ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตาม... จึงขอให้ท่านที่สนใจลองติดตามหามาอ่านกันนะครับ
อย่างหนึ่งที่ได้ในการอ่านเรื่องนี้แม้ว่าจะยังอ่านไม่จบ คือมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นไปนั้นเป็นวัฏจักร์ เมื่อครบรอบของมันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง... ไม่มีที่สิ้นสุด
เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนใหญ่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกนี้คือ มนุษย์
มันอาจจะถึงเวลาที่ธรรมชาติจะปรับสมดุล .. ซึ่งก็คิดได้ และคิดปลงว่า อะไรจะเกิดก็เกิด..จะไปห้ามไม่ให้เกิดคงไม่ได้
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เป็นประโยชน์ต่อตน ต่อครอบครัว และสังคมให้มากที่สุดก็แล้วกันครับ
No Comments have been Posted.
Please Login to Post a Comment.
<< December 2023 >>
Mo
Tu
We
Th
Fr
Sa
Su
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
No events.
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก(EIT2)