:: ผู้อำนวยการโรงเรียน :: 
 
 
 ว่าที่ ร.ต.เกชา กลิ่นเพ็ง ผู้อำนวยการ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 
 
 
 
Graphical counter from SEP 2550 
 
 
Oh no! Where's the 
JavaScript ?
Your Web browser does not have JavaScript enabled or does not support JavaScript. Please 
enable JavaScript  on your Web browser to properly view this Web site,
 or 
upgrade  to a Web browser that does support JavaScript; 
Firefox , 
Safari , 
Opera , 
Chrome  or a version of 
Internet Explorer  newer then version 6.
 
 
เมื่อประมาณปี 2550-2551 กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการโรงเรียนสีขาว ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดมากๆ โดยมีนโยบายให้โรงเรียนทั้งหลายป้องปรามมิให้นักเรียนมั่วสุมในเรื่องยาเสพติด ทำให้โรงเรียนต่างๆดำเนินตามนโยบาย ป้องปราม ค้นหา และบำบัด นักเรียนที่มีปัญหาในเรื่องการใช้ยา และทำให้โรงเรียนปลอดจากยาเสพติดให้ได้ 
 
หลายโรงเรียนดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการตามบริบทของตนเอง โรงเรียนบางแห่งอาจจะเกรงว่าถ้ารายงานตามความเป็นจริงถึงจำนวนนักเรียนที่มีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วจะถูกหน่วยเหนือตำหนิ หรือไม่ก็เกรงกลัวในเรื่องข้อมูลที่เป็นจริงจะทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนหมองมัว จึงทำเอกสารรายงานข้อมูลที่น้อยกว่าความเป็นจริง หรือไม่ก็รายงานว่าไม่มีนักเรียนคนใดใช้ยา  ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้เด็ดขาด 
 
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าปัญหาสิ่งเสพติดกับวัยรุ่นนั้นมักจะเป็นเรื่องคู่กันเสมอ... เชื่อว่าทุกคนที่ผ่านวัยรุ่นมาแล้วจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีว่า ในวัยนี้มักจะอยากลองอยากรู้ อะไรๆที่ผู้ใหญ่บอกว่าไม่ใช่สิ่งดีสิ่งงาม วัยนี้มักจะดื้อรั้นที่จะเข้าไปทดลองเสมอ และด้วยจิตใจที่อ่อนไหวกับรสสัมผัสที่ได้รับบางคนอาจจะไม่สามารถหักห้ามใจว่าลองแค่ครั้งเดียวพอ แต่อาจจะมีครั้งที่ 2 ที่ 3 และ ... ในที่สุดก็ไม่สามารถจะเลิกละได้อีกต่อไปกลายเป็นปัญหาเฉพาะตัว และลามไปถึงคนรอบข้าง 
 
ถ้ากล่าวกันโดยไม่อายกัน ก็ต้องยอมรับว่าในจำนวนนักเรียนมากกว่า 3 พันคนของเบญจมฯ จะมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติด อย่างน้อยก็คือบุหรี่ และสุรา และอาจจะมีหนักข้อขึ้นไปถึงกัญชา และยาบ้า เพราะนักเรียนจำนวนหนึ่งที่พวกเขาอยู่กับสังคมสิ่งแวดล้อมที่สุ่มเสี่ยงคือบ้านที่แตกแยก .. เพื่อนคอเดียวกัน ...  
 
คำสอนของครู หรือใครๆ จะไม่เคยเข้าหูกระทบความรู้สึกของเด็กกลุ่มนี้เลย.. ตามความเป็นจริงพวกเขาน่าสงสารแต่ด้วยการกระทำและพฤติกรรมที่แสดงออกของพวกเขามันขัดกันในสายตาของคนทั่วไปว่าเป็นคนไม่น่ารักไม่น่าสงสาร 
 
แล้วเราจะทำอย่างไรกับเด็กเหล่านี้ เพราะการกีดกันออกจากสังคมที่เขาอยู่ก็เท่ากับผลักใสให้เขาจมดิ่งลงไปในห้วงเหวของความเลวร้ายมากยิ่งขึ้น และผลจากการกีดกันนั้นก็ย้อนกลับมาสู่สังคมของคนปกติอีกครั้งนั่นเองและผลของมันนั้นเลวร้ายกว่า 
 
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก เป็นคำสอนใจที่ไม่เกินความจริง และเป็นความจริงอย่างยิ่ง 
 
ระบบการศึกษาของเราอาจจะละเลยคำสอนใจนี้ไป เพราะในช่วงที่พวกเขาอยู่ในวัยเยาว์เรากลับปล่อยให้เขาทำอะไรได้ตามอำเภอใจโดยคิดเพียงว่าพวกเขายังเด็กไม่ประสีประสาในชีวิต นั่นก็คือการละเลยที่จะว่ากล่าว ตักเตือน สั่งสอน เนื่องด้วยความรักของพ่อแม่ผู้ปกครองตลอดจนครูบาอาจารย์มีความเอ็นดูไม่อยากลงโทษลงทัณฑ์ เลยเข้ากับคำสอนในนิทานเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน  
 
โบราณบอกว่าถ้ารักวัวให้ผูก รักลูกก็ให้ตี ความหมายชัดเขนอยู่แล้ว 
 
ผมไม่ทราบว่าเมื่อพวกเขามานั่งเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยม ซึ่งหมายถึงว่าพวกเขาอยู่ในวัยรุ่น จะยังเป็นไม้อ่อนให้ดัดได้หรือไม่... ถึงอย่างไรก็ต้องดัดในเมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ในระบบโรงเรียนที่มีกฏระเบียบแบบแผนจารีตประเพณีปฏิบัติ การปล่อยปละละเลยโดยคิดว่าไม่ใช่หน้าที่คงไม่ถูกต้องสำหรับคนที่เป็นครูบาอาจารย์ เมื่อเห็นลูกศิษย์ทำผิดไม่ถูกต้องก็คงต้องว่ากล่าวโดยทันทีแม้จะเป็นที่ขัดอกขัดใจของพวกลูกศิษย์บ้างก็ต้องยอม เพราะเมื่อเขาผ่านวัยนี้ไป แล้วพวกเขาย้อนกลับมาคิดเขาจะเกิดความรู้สึกดีๆกับครูที่คอยจ้ำจี้จ้ำไชมากกว่าปกติ 
 
ย้อนกลับมาที่ปัญหาสิ่งเสพติดในโรงเรียน มันเป็นเรื่องยากมากที่จะแก้ไขในเมื่อสังคมภายนอกยังเป็นอย่างนี้ เช่น เด็กสามารถเข้าถึงบุหรี่ สุรา ได้อย่างเสรี พวกเขาสามารถที่จะซื้อหาสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสบายๆแม้ว่ากฏหมายจะระบุว่าห้ามขายเหล้าบุหรี่ให้กับเด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีก็ตาม ทั้งนี้เพราะคนขายไม่มีคุณธรรมไม่มีความคิดที่จะเกรงกลัวบทบัญญัติใดๆนั่นเอง 
 
 
 
ธุรกิจในปัจจุบันนี้หากินกับเด็กวัยรุ่นถือว่าหากินได้คล่องที่สุด เพราะพวกเขาใช้จ่ายเงินโดยไม่คิดมากแม้พวกเขาจะไม่มีอาชีพแต่พวกเขาก็มีกำลังซื้อจากเงินที่พ่อแม่ผู้ปกครองหยิบยื่นให้ใช้อย่างสบายๆ 
 
การแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวของโรงเรียนก็คงต้องได้รับความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้อง คือ ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่บ้านเมือง พ่อค้าแม่ค้า ..  
 
ถ้าต้องการให้ลูกหลานไทยห่างไกลสิ่งเสพติดให้ได้จริงๆ ต้องช่วยกัน อย่าปากว่าตาขยิบครับ  
 
 
No Comments have been Posted.
 
 
Please Login to Post a Comment.
 
 
 <<  January 2023  >>  
	
	 
 
	Mo 
	Tu 
	We 
	Th 
	Fr 
	Sa 
	Su 
 
 
	  
	  
	  
	  
	  
	  
	 1 
 
	 2 
	 3 
	 4 
	 5 
	 6 
	 7 
	 8 
 
	 9 
	10 
	11 
	12 
	13 
	14 
	15 
 
	16 
	17 
	18 
	19 
	20 
	21 
	22 
 
	23 
	24 
	25 
	26 
	27 
	28 
	29 
 
	30 
	31 
	  
	  
	  
	  
	  
 
 
No events. 
 
 
 
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก(EIT1)