:: ผู้อำนวยการโรงเรียน :: 
 
 
 ว่าที่ ร.ต.เกชา กลิ่นเพ็ง ผู้อำนวยการ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 
 
 
 
Graphical counter from SEP 2550 
 
 
Oh no! Where's the 
JavaScript ?
Your Web browser does not have JavaScript enabled or does not support JavaScript. Please 
enable JavaScript  on your Web browser to properly view this Web site,
 or 
upgrade  to a Web browser that does support JavaScript; 
Firefox , 
Safari , 
Opera , 
Chrome  or a version of 
Internet Explorer  newer then version 6.
 
 
วันนี้ได้พบกับลูกเบญจมฯคนหนึ่ง ที่เข้ามาขอใช้บริการเกี่ยวกับรูปถ่าย 
  
เท่าที่ได้คุยกันเล็กน้อย และเท่าที่รู้เรื่องราวของเด็กคนนี้และกลุ่มเพื่อน ต้องบอกว่าน่าสงสารและน่าเห็นใจ ที่เขาไม่สามารถจะจบหลักสูตรประโยคการศึกษาตอนปลาย 
 
เพราะผลการเรียนไม่ผ่านมากมายก่ายกอง 
 
ถ้าย้อนมองอดีต เด็กกลุ่มนี้ถูกดันให้ขึ้นมาเรียนในชั้นเรียนวิชาสามัญทุกคนตามนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา  ทั้งๆที่ทุกคนรู้ว่าเด็กกลุ่มนี้จะเรียนวิชาสามัญไม่ได้แน่ เพราะพื้นฐานความรู้ของพวกเขาย่ำแย่ ทั้งเรื่องภาษาและการคำนวณ 
 
ความเป็นจริงพวกเขาน่าจะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวให้เรียนวิชาชีพ แต่เพราะความกลัวของผู้ปกครองส่วนหนึ่งที่มองสถาบันวิชาชีพเหมือนแหล่งมั่วสุมของคนเกเร กลัวว่าถ้าส่งบุตรหลานให้เข้าไปเรียนแล้วมันจะยิ่งย่ำแย่ถึงขั้นกู่ไม่กลับ  จึงยินดีที่รัฐมีนโยบายรับนักเรียนโรงเรียนเดิมเข้าเรียนชั้น ม.4 ทั้งหมด เพียงแค่หวังว่ารั้วโรงเรียนสามัญคงจะช่วยไม่ให้ลูกหลานของพวกเขาย่ำแย่ไปกว่านี้ 
 
 
 
แต่ทั้งหมดนั้นส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการคิดแทนคนเรียน ซึ่งเมื่อเอาเข้าจริงการเรียนในโรงเรียนสายสามัญ ที่ต้องเรียนวิชาการเป็นหลักนั้น ก่อความเบื่อรำคาญแก่คนเรียน เพราะยิ่งเรียนยิ่งไม่ค่อยจะรู้เรื่องทั้งก็เพราะความรู้พื้นฐานของพวกเขาแทบไม่มีเหลืออยู่เลย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของภาษาที่เป็นสิ่งสำคัญมากในการเรียนขั้นสูง จะต้องใช้ความรู้เรื่องภาษาไปใช้ในการอ่านค้นคว้าหาความรู้ เมื่อไม่มีความคล่องแคล่วในเรื่องนี้การเรียนวิชาสามัญที่แม้จะแทบไม่ต้องเรียนวิชาคำนวณเลยก็ตามก็ไม่สามารถเรียนต่อไปได้ 
 
ที่สุดก็คือไม่เรียน..ไม่มีความสุขที่จะเรียน แถมอาจจะต้องถูกใครต่อใครโดยเฉพาะครูและพ่อ-แม่เองดุด่าว่ากล่าวตักเตือน  ซึ่งก็ยิ่งเกิดปัญหาต่ออารมณ์ความรู้สึกของคนวัยรุ่น 
 
ที่สุดพวกเขาก็ทิ้งการเรียน แสวงหาความสนุกสนานไปวันๆ ปล่อยเวลาผ่านไป 3 ปี ที่สุดก็ไม่สามารถจะจบหลักสูตรได้ เพราะว่าผลการเรียนไม่ผ่านเกณฑ์เกือบทุกวิชา 
 
เวลาที่ผ่านไปหลายคนอาจจะคิดว่าพวกเขาน่าจะคิดได้สำนึกดีตั้งแต่เรียนชั้น ม.5 แต่เพราะปัจจัยหลายๆอย่างนั่นแหละครับที่ทำให้พวกเขากว่าจะคิดได้มันก็สายเกินจะแก้ไข 
 
ทั้งที่พ่อแม่ ผู้ปกครองก็รู้  ครูผู้สอนก็รู้ 
 
แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้เพราะพวกเขาไม่อยากได้ใคร่ดีกับเรื่องการเรียนแล้ว.... แต่ก็อยากจะจบออกจากโรงเรียนไปพร้อมเพื่อนร่วมรุ่น 
 
หลายๆคนพยายามดิ้นรนหาทางช่วยตนเอง โดยขอให้คนนั้นคนนี้ช่วย แต่เรื่องพรรณนี้ที่ผลการเรียนไม่ผ่านมากมายนี่ ช่วยยังไงก็ไม่มีทางหมดแน่ นอกจากต้องเรียนซ้ำชั้น 
 
ถ้าพวกเขาคิดได้ว่าไหนๆก็เสียเวลาไม่เรียนมาตั้ง 3 ปี มาตั้งหน้าตั้งตาเรียนซ้ำสักปี แม้จะจบหลักสูตรไม่พร้อมรุ่นก็ยังดีกว่าไม่จบเลย 
 
ที่เขียนมานี่เพราะเห็นปัญหาที่เกิดซ้ำซากรุ่นแล้วรุ่นเล่า  ที่จะต้องมีเด็กๆที่ไม่อยากเรียนวิชาการ หากแต่ต้องการเรียนอยู่ในโรงเรียนเบญจมฯเท่านั้น สร้างปัญหาให้กับทั้งตนเอง และผู้ปกครอง ตลอดจนครูผู้สอน เหลืออยู่ในโรงเรียน 
 
ความจริงแล้วเด็กเหล่านี้เสียโอกาสในการพัฒนาตนเอง  ในเมื่อเขาไม่เก่งเรื่องวิชาการ พวกเขาน่าจะมีช่องทางเรียนอย่างอื่นที่เมื่อจบแล้วสามารถหางานทำเลี้ยงตนเองได้ 
 
จะบอกว่าเรื่องอย่างนี้เป็นอุทาหารณ์ให้กับท่านผู้ปกครองได้บ้างไหมว่า ท่านควรรู้จักทักษะความสามารถของบุตรหลานท่านด้วยว่าเด็กๆในปกครองของท่านั้นมีความสามารถในเรื่องอะไร 
 
วิชาการ หรือวิชาชีพ  
 
เมื่อรู้แล้วควรส่งเสริมพวกเขาให้ถูกทาง... จะได้ไม่ต้องให้พวกเขามาเสียเวลา เสียโอกาสในชีวิตช่วงหนึ่ง 
 
ช่วยกันนะครับ...สอนให้พวกเขารู้จักตนเอง รู้จักความสามารถของตนเอง และเมื่อเขารู้แล้วพวกเขาน่าจะสามารถเรียนรู้ไปได้จนสุดทางชีวิตของพวกเขา 
  
 
ณรงค์ นันทวิจิตร  : เขียน 
 
 
No Comments have been Posted.
 
 
Please Login to Post a Comment.
 
 
<<  February 2024  >>  
	
	 
 
	Mo 
	Tu 
	We 
	Th 
	Fr 
	Sa 
	Su 
 
 
	  
	  
	  
	 1 
	 2 
	 3 
	 4 
 
	 5 
	 6 
	 7 
	 8 
	 9 
	10 
	11 
 
	12 
	13 
	14 
	15 
	16 
	17 
	18 
 
	19 
	20 
	21 
	22 
	23 
	24 
	25 
 
	26 
	27 
	28 
	29 
	  
	  
	  
 
 
No events. 
 
 
 
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก(EIT1)