:: ผู้อำนวยการโรงเรียน :: 
 
 
 ว่าที่ ร.ต.เกชา กลิ่นเพ็ง ผู้อำนวยการ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 
 
 
 
Graphical counter from SEP 2550 
 
 
Oh no! Where's the 
JavaScript ?
Your Web browser does not have JavaScript enabled or does not support JavaScript. Please 
enable JavaScript  on your Web browser to properly view this Web site,
 or 
upgrade  to a Web browser that does support JavaScript; 
Firefox , 
Safari , 
Opera , 
Chrome  or a version of 
Internet Explorer  newer then version 6.
 
 
ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนในเบญจมฯ เผชิญกับปัญหาหนึ่ง นั่นคือ เมื่อนักเรียนลงมือทำข้อสอบแล้ว  พบว่านักเรียนจำนวนหนึ่งเกิดอาการที่เรียกว่าเป็นโรค "เอ๋อ" อ่านโจทย์แล้วไม่รู้จะตอบอะไรดี 
 
เกิดอาการเหลียวซ้าย แลขวา หันหน้า หันหลัง เพื่อหาตัวช่วย 
 
ปัญหาอย่างนี้มิใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้  ความเป็นจริงมันเกิดมาพร้อมกับการเรียนรู้ของมนุษยชาติแล้วละครับ 
 
แต่ที่เห็นว่ามีนักเรียนจำนวนมากเกิดอาการเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะ 
 
1. พวกเขาไม่สนใจที่จะเรียนรู้ 
2. กิจกรรมอื่นๆที่สนุกกว่าการเรียนมีตั้งมากมายที่จะทำให้เขาหมดเวลาไปกับกิจกรรมอย่างนั้น 
3. จำนวนนักเรียนที่มากขึ้นในชั้นเรียน ทำให้ครูไม่สามารถดูแลแนะนำได้อย่างทั่วถึงและมากพอ 
4. เพราะนิสัยไม่รักการเรียนของคนคนนั้น 
ฯลฯ 
 
มีเหตุผลนานัปการที่จะวิเคราะห์ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใดนักเรียนบางคนจึงอยู่ในจำพวกสมองกลวง ไม่มีพื้นความรู้ด้านวิชาการอยู่เลย 
 
ซึ่งเมื่อมาวิเคราะห์ดูนักเรียนแต่ละคนที่มีปัญหาอย่างที่ว่านี้แล้วนั้นก็อาจจะจำแนกได้อีกนะครับ 
 
1. เด็กไม่อยากเรียนแต่ผู้ปกครองไม่รู้ว่าจะให้ไปเรียนอะไรที่ไหนเลยนำมาฝากเรียนไว้ที่นี่ ดีกว่าปล่อยให้อยู่เฉยๆ จำพวกนี้จะก่อปัญหาให้กับเพื่อน กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่องทุกด้าน 
2. อยากเรียนแต่ติดขี้เกียจฝึกฝนปฏิบัติ 
3. อยากเรียนแต่ติดเพื่อน เพื่อนพาไปไหนไปด้วยโดยไม่สนใจว่าวิถีชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไร 
4. เรียนแล้วแต่ไม่เข้าใจ เลยเบื่อที่จะเรียนรู้ต่อไป 
5. เป็นพวกชอบสบาย แม้กระทั่งการเรียนก็ชอบสบาย คิดว่าถ้านำตำรามาหนุนศีรษะแล้วมันซึมซับเข้าไปในสมองได้ก็คงจะดี 
6. อ้างว่าเบื่อครู ครูดุด่าว่ากล่าวบ่อยครั้ง 
ฯลฯ ใครวิคราะห์ได้เพิ่มเติมเองนะครับ 
 
จากปัญหาที่มองเห็นเหล่านี้ จะมีวิธีแก้ไขได้อย่างไรหรือไม่ 
 
ในความคิดของผมในกรณีที่ 1  
เห็นว่ามีอย่างเดียว คือการการบังคับใช้ระเบียบ (หรือข้อกฏหมายนั่นเอง) กับนักเรียนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด  ความเป็นจริงแล้วการบังคับใช้ระเบียบ ณ ขณะนี้ คือในขณะที่พวกเขาอยู่ในระดับมัธยมนั้นอาจจะสายเกินไปสักหน่อย  แต่ก็ควรจะต้องใช้ข้อบังคับมาปรับพฤติกรรมของพวกเขา  ให้เขาเกิดความรู้ในตัวเองว่าหากฝ่าฝืนระเบียบแล้วต้องมีโทษโดยไม่ลดหย่อน  ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาเกิดความกลัวที่จะทำผิด เพราะทำผิดแล้วจะต้องถูกลงโทษตามระเบียบ.............. 
หากเอาจริงเอาจัง โดยไม่ปล่อยให้พวกเขาลอยนวล  มีความเชื่อว่าน่าจะช่วยขัดเกลานิสัยของพวกเขาได้ 
 
ส่วนในกรณีที่ 2 เป็นต้นไปนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย  คิดหากลยุทธ์ที่จะมาทำให้นักเรียนเหล่านี้เกิดการเรียนรู้ให้ได้  แต่...... เป็นเรื่องที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า  นักเรียนที่มีปัญหาในเรื่องการเรียนนั้น  พวกเขามีพื้นฐานความรู้จากชั้นต้น ๆ ไม่ดีเลย  เมื่อฐานไม่ดีเสียอย่างหนึ่งแล้ว  การต่อยอดขึ้นไปก็คงทำได้ไม่มาก  อันนี้ก็ต้องทำใจครับ 
 
เราต้องมารอดูรุ่นต่อไปว่า การส่งผ่านนักเรียนขึ้นมาเรียนในระดับมัธยมนั้น มีฐานความรู้เท่าไร  เรื่องนี้โรงเรียนมัธยมจำเป็นจะต้องช่วยเก็บข้อมูลโดยมีเครื่องมือวัดทักษะวิชาหลักคือ วิทย์ คณิต ไทย อังกฤษ สังคม เมื่อเด็กเหล่านั้นถูกส่งผ่านขึ้นมา  เก็บเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลแนะนำหน่วยงานกลางเพื่อให้เกิดการประสานร่วมมือกันพํฒนาคุณภาพทางวิชาการให้กับเด็กไทยอย่างเป็นระบบตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา  แม้ว่าจะมีการทดสอบ NT แล้วก็ตาม เพราะบางครั้งคะแนน NT ก็อาจจะไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ดีพอเมื่อเทียบกับการวัดตามสภาพจริงของแต่ละท้องถิ่น 
 
 
คุยไปคุยมา แตกดอกออกช่อไปถึงเรื่องไหนๆก็ไม่รู้  แต่คิดว่าก็ยังอยู่ในเรื่องของเด็กสมองกลวงอยู่นั่นเองแหละครับ  
 
 
No Comments have been Posted.
 
 
Please Login to Post a Comment.
 
 
  <<  July 2026  >>  
	
	 
 
	Mo 
	Tu 
	We 
	Th 
	Fr 
	Sa 
	Su 
 
 
	  
	  
	 1 
	 2 
	 3 
	 4 
	 5 
 
	 6 
	 7 
	 8 
	 9 
	10 
	11 
	12 
 
	13 
	14 
	15 
	16 
	17 
	18 
	19 
 
	20 
	21 
	22 
	23 
	24 
	25 
	26 
 
	27 
	28 
	29 
	30 
	31 
	  
	  
 
 
No events. 
 
 
 
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก(EIT1)