:: ผู้อำนวยการโรงเรียน :: 
 
 
 ว่าที่ ร.ต.เกชา กลิ่นเพ็ง ผู้อำนวยการ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 
 
 
 
Graphical counter from SEP 2550 
 
 
Oh no! Where's the 
JavaScript ?
Your Web browser does not have JavaScript enabled or does not support JavaScript. Please 
enable JavaScript  on your Web browser to properly view this Web site,
 or 
upgrade  to a Web browser that does support JavaScript; 
Firefox , 
Safari , 
Opera , 
Chrome  or a version of 
Internet Explorer  newer then version 6.
 
 
ตะลึง!ผลวิจัยชี้ควันธูปมีสารก่อมะเร็งเพียบ 
 
ไม่เว้นธูปไร้ควัน-ธูปอโรมา 
 
  ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) โดย นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าไอซียู รพ.วิชัยยุทธ แถลงข่าวผลงานวิจัยเรื่อง “สารก่อมะเร็ง : ภัยเงียบที่มากับควันธูป” ซึ่งเป็นผลงานการวิจัยร่วมกับ น.ส. พนิดา นวสัมฤทธิ์ นักวิจัยห้องปฏิบัติการพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์  โดยทำการศึกษาถึงอันตรายของควันธูป ที่ประชาชนชาวพุทธนิยมใช้จุดเพื่อบูชาพระ ทั้งนี้ เนื่องจาก จากสถิติการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดในเพศหญิงพบว่ากว่าร้อยละ 50 ไม่พบประวัติสูบบุหรี่ หรือใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็ง แม้ว่าร้อยละ 80 - 90 ของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาวิจัยในครั้ง ได้ผลสรุปที่น่าตกใจว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับปัจจัยที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็ง กลับมีสาเหตุมาจากภัยที่เพิ่งค้นพบคือ สารพิษก่อมะเร็งจากควันธูป ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง 
 
  
 นพ.มนูญ กล่าวต่อว่า จากการศึกษาควันธูปมีสารก่อมะเร็ง 3 ชนิด ได้แก่ เบนซีน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน มีส่วนประกอบมาจากกาว ขี้เลื่อย น้ำมันหอม และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม เป็นต้น โดยสารก่อมะเร็งเกิดจากการเผาไหม้ของกาวและน้ำหอม เป็นสำคัญ ทั้งนี้ ในการศึกษาวิจัย ทีมวิจัยได้ออกทำการสำรวจหาสารก่อมะเร็งในบริเวณวัดชื่อดังในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ จำนวน 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งเป็นวัดที่มีคนเข้าไปบูชากราบไหว้พระกันมาก โดยเริ่มดำเนินการสำรวจพร้อมตรวจสุขภาพคนงานที่ปฏิบัติงานในวัดจำนวน 40 คน เปรียบเทียบกับคนงานในหน่วยงานที่ไม่มีการจุดธูปจำนวน 25 คน โดยการตรวจเลือดและปัสสาวะ พบว่า คนงานที่ทำงานในวัดทั้งหมดมีสารก่อมะเร็งผสมอยู่ในเลือดและปัสสาวะสูงกว่าคน ที่ไม่ทำงานในวัดถึง 4 เท่า  โดยในวัดมีสารดังกล่าวสูงกว่าสถานที่ที่ไม่จุดธูปถึง 63 เท่า ที่สำคัญจากการตรวจร่างกายในคนงานในวัด 40 คนยังพบการแตกหักของรหัสพันธุกรรมสูงกว่าคนปกติถึง 2 เท่าอีกด้วย  
 
 
 “นอกจากนี้สำหรับการจุดธูปในบ้านตามความเชื่อและ ประเพณีที่ทำกันมาของคนไทย ที่ต้องการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดควันธูปในบ้านมาก ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะ ธูป 3 ดอกสามารถปล่อยมลพิษและสารก่อมะเร็งได้เทียบเท่าสี่แยกไฟแดงที่มีการจราจร คับคั่ง” นพ.มนูญ กล่าว และว่า ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Chemico –biological/ interactions ของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือน ก.พ.2551 ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ทรงเป็นหนึ่งในทีมวิจัยด้วย 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของธูปที่ไร้ควัน หรือธูปอโรมา มีสารก่อมะเร็งหรือไม่ นพ.มนูญ กล่าวว่า ธูปทุกชนิดล้วนมีสารก่อมะเร็งทั้งสิ้น ธูปไร้ควันและธูปอโรมา เคยมีงานวิจัยออกมาพบว่า มีการปล่อยสารเบนซินมากกว่าธูปธรรมดาด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรมีการรณรงค์เรื่องนี้ให้ระมัดระวังกันถ้วนหน้า และต้องมีการรณรงค์ดับควันธูป โดยหลังจากจุดธูปแล้วควรมีการจุ่มธูปลงในน้ำหรือทรายก่อนปักลงในกระถางจะ ช่วยลดควันธูปได้ และในอนาคตภาคอุตสาหกรรมควรมีการผลิตธูปที่เมื่อจุดแล้วดับได้ทันทีภายในไม่ กี่วินาที 
 
 
Please Login to Post a Comment.
 
 
  <<  March 2026  >>  
	
	 
 
	Mo 
	Tu 
	We 
	Th 
	Fr 
	Sa 
	Su 
 
 
	  
	  
	  
	  
	  
	  
	 1 
 
	 2 
	 3 
	 4 
	 5 
	 6 
	 7 
	 8 
 
	 9 
	10 
	11 
	12 
	13 
	14 
	15 
 
	16 
	17 
	18 
	19 
	20 
	21 
	22 
 
	23 
	24 
	25 
	26 
	27 
	28 
	29 
 
	30 
	31 
	  
	  
	  
	  
	  
 
 
No events. 
 
 
 
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก(EIT1)