จะพยายามติดตามผลการประชุมมาเรียนให้ผู้ปกครองทราบโดยเร็ว

รับฟังได้จากสถานีข่าววิทยุวันนี้ (18 มี.ค.) .. เลขาธิการ สพฐ. บอกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องวันรับสมัครหลังวันที่ 23 มีนาคม 2553... จึงแจ้งมาให้ทราบเป็นเบื้องต้นก่อนครับ

http://breakingnews.nationchannel.com/
18 มีค. 2553 16:32 น.

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง NBT ถึงการประกาศรับนักเรียนชั้นม.1-ม.4 ที่เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดว่า จะพยายามให้มีผลกระทบน้อยสุด และไม่ให้มีการเสียสิทธิใด ๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ หลังวันที่ 23 มี.ค. 2553 จะมีความชัดเจนขึ้น เกี่ยวกับกำหนดวันรับสมัครใหม่ และศธ.จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ นักเรียน ผู้ปกครองรับทราบ
"แต่ผมยืนยันว่า ผู้ปกครองจะได้มอบตัวนักเรียนทั้งหมด ทันเปิดเทอมใหม่แน่นอน"นายชินวรณ์ กล่าว

วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17:19:20 น. มติชนออนไลน์

สพฐ.ยังเลื่อนรับน.ร.8จว.กทม-ปริมณฑลไม่มีกำหนด รอประเมินม็อบแดงหลัง23มี.ค.

68 จังหวัด 169 เขตพื้นที่การศึกษา ที่ไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง เป็นไปตามปฏิทินเดิม เดินหน้าของบฯ 480 ล้าน ซื้อตำราแจกฟรี ม. 4-6

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ภายหลังประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) และผู้อำนวยการสถานศึกษาในพื้นที่ 8 จังหวัดที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เกี่ยวกับแนวทางการรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประจำปีการศึกษา 2553 ซึ่งได้ประกาศเลื่อนปฏิทินการรับนักเรียนไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเกรงผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ในส่วนของการรับนักเรียนในพื้นที่ 8 จังหวัด อันได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และนครปฐม จะรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังวันที่ 23 มีนาคม จากนั้นจะประกาศปฏิทินและแนวทางการรับสมัครให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ สพฐ.จะยึดแนวทางให้ความเป็นธรรมกับเด็กทุกคน โดยจะมีวิธีการป้องกันการใช้สิทธิซ้ำซ้อน เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ โดยจะนำข้อห่วงใยของผู้ปกครองมาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดวิธีการรับ และจะให้ระยะเวลาในการรับสมัครที่เท่าเทียมกัน

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า ส่วนการรับสมัครนักเรียนในพื้นที่ 68 จังหวัด ใน 169 เขตพื้นที่การศึกษา ที่ไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงนั้น ให้ดำเนินการไปตามปฏิทินการรับนักเรียนเดิมที่ได้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน แล้ว ซึ่งได้มีการรับสมัครไปแล้วเมื่อวันที่ 13-17 มีนาคมที่ผ่านมา และจะมีการสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าเรียนต่อในชั้น ม.1 วันที่ 20 มีนาคม และสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อชั้น ม.4 ในวันที่ 21 มีนาคม รวมทั้งจะมีการจับสลากนักเรียนในพื้นที่บริการของโรงเรียนในชั้น ม.1 วันที่ 28 มีนาคม ประกาศผลการสอบคัดเลือกและรายงานตัวชั้น ม.1 วันที่ 23 มีนาคม มอบตัว วันที่ 3 เมษายน ส่วนชั้นม.4 ประกาศผลและรายงานตัววันที่ 24 มีนาคม มอบตัววันที่ 4 เมษายน สำหรับเด็กที่ยังไม่มีที่เรียนในชั้น ม.1 ให้ยื่นความจำนงขอให้จัดที่เรียนรอบ 2 ชั้น ม.1 วันที่ 4-5 เมษายน ประกาศผลรอบ 2 วันที่ 8 เมษายน และรายงานตัวรอบ 2 วันที่ 9 เมษายน

นายชินภัทรยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำรายละเอียดของบประมาณเพิ่ม เติมในการจัดซื้อหนังสือเรียนตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ และการทำประชาพิจารณ์ความเห็นเกี่ยวกับการแจกหนังสือเรียนแทนการให้ยืมกับ นักเรียนชั้น ม.4-ม.6 ตามนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า จากที่ที่ประชุมผู้บริหารองค์กรบริหารหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มอบหมายให้ สพฐ.จัดทำหลักเกณฑ์การทำประชาพิจารณ์ความเห็นเกี่ยวกับการแจกหนังสือเรียน แทนการยืมเรียนดังกล่าว ขณะนี้ สพฐ.ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว โดยรายละเอียดการประชาพิจารณ์มีทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ 1.ความพึงพอใจในการดำเนินโครงการเรียนฟรี 15 ปี 2.สอบถามความเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ ซึ่งจากการสอบถามความเห็นการแจกหนังสือแทนการยืมเรียนจะอยู่ในส่วนนี้ และ 3.การพัฒนาคุณภาพองค์รวม ซึ่ง สพฐ.ได้ทำประชาพิจารณ์ความเห็นผู้มาร่วมงานประชุมสมัชชาเพื่อขับเคลื่อนการ ปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ประมาณ 1,000 คน พบว่าทุกคนเห็นด้วยกับการแจกหนังสือให้กับนักเรียนชั้น ม.4-ม.6 นอกจากนี้ กำลังทำประชาพิจารณ์ความเห็นผ่านทางเว็บไซต์ จากนั้นจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันหารืออีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อ ยุติทั้งหมด ก่อนจะรายงานให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. รับทราบและนำเข้าสู่ที่ประชุมผู้บริหาร ศธ.ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ กระบวนการทุกขั้นตอนต้องได้ข้อสรุปภายในกลางเดือนเมษายน


"สำหรับงบประมาณที่จะต้องขอเพิ่มเติมเพื่อนำมาซื้อหนังสือแจกฟรีให้ นักเรียนชั้น ม.4-ม.6 ครบ 100% ในปีการศึกษา 2553 ทั้งโรงเรียนในสังกัด สพฐ. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ต้องใช้งบฯรวมทั้งสิ้น 480 ล้านบาท ซึ่งจากการหารือกับรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้มอบให้ สพฐ.จัดทำรายละเอียดในการของบกลางจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะเสนอของบกลางได้ภายในกลางเดือนเมษายนที่จะถึง" นายชินภัทรกล่าว

จากไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2553

เสมา 1 คุมเข้มหวั่นเด็กเดินสายสอบ ม.1

ชี้ปัญหาร้องเรียนส่วนใหญ่อยากเข้า ร.ร.ดัง ยันมีที่นั่งรองรับทุกคน พร้อมกำชับดูแลนักเรียนใช้สิทธิซ้ำซ้อนในการเดินสายสอบ...

นายชิน วรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีการเลื่อนการรับสมัครนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ในเขตพื้นที่ 8 จังหวัด ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดทำแผนและปฏิทินการการรับนักเรียนในปีการศึกษา 2553 ในส่วนของ 8 จังหวัด โดยในวันที่ 23 มี.ค.นี้ จะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับปฏิทินการรับนักเรียนและจะประกาศให้ทราบ ดังนั้น ฝากบอกไปยังผู้ปกครองว่าไม่ต้องกังวลว่าบุตรหลานจะไม่มีที่เรียน ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่านักเรียนจะใช้สิทธิซ้ำซ้อนในการเดินสายสอบนั้น ตนได้สั่งกำชับให้ สพฐ. เข้มงวดเรื่องดังกล่าว โดยเด็กทุกคนมีสิทธิสอบได้เพียงโรงเรียนเดียวเท่านั้น และยืนยันว่าเด็กในพื้นที่ 8 จังหวัดจะมีที่เรียนทุกคน สำหรับปัญหาการรับนักเรียนในปีนี้ที่รายงานมายังตนมากที่สุด คงเป็นปัญหาที่นั่งเรียนในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงไม่เพียงพอ เนื่องจากเด็กต้องการเข้ามาสอบในโรงเรียนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากการชุมนุมมีการยืดเยื้อและต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

ด้าน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า มีผู้ปกครองแสดงความห่วงใยเข้ามาค่อนข้างมาก ว่าเด็กที่อยู่นอกพื้นที่ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ จะเข้ามาใช้สิทธิสอบใน 8 จังหวัด เนื่องจากสอบช้ากว่าปฏิทินเดิม ก็ขอให้ผู้ปกครองคลายความกังวล สพฐ. กำลังหาวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เด็กเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เด็ก ทุกคนจะต้องได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันด้วยความเป็นธรรม

ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ สพฐ.สรุปข้อมูลผู้สมัครเข้าศึกษาต่อชั้น ม.1 และ ม.4 ในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงทั่วประเทศ ยกเว้น 8 จังหวัด ปรากฏว่าเฉพาะในส่วนของโรงเรียนที่เปิดรับสมัครไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13-17 มี.ค. มีโรงเรียนที่รายงานแผนการรับนักเรียน และยอดผู้สมัครเข้าเรียนต่อในชั้น ม.1 และ ม.4 มาแล้วทั้งสิ้น 76 โรง ซึ่งโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง อาทิ ม.1 คือ ร.ร.ชัยนาทพิทยาคม แผน 480 คน สมัคร 1,099 คน ร.ร.สระบุรีวิทยาคม แผน 540 คน สมัคร 1,462 คน ร.ร. ชลกันยานุกูล แผน 640 คน สมัคร 1,513 คน.

ความเป็นห่วงที่อาจจะมีผู้ปกครองนักเรียนนำลูกหลานของตนเข้ามาสมัครสอบในโรงเรียนที่อยู่ในประกาศความมั่นคง เนื่องจากโรงเรียนต่างๆนอกเหนือประกาศฝ่ายความมั่นคงนั้นได้ผ่านกระบวนการสอบไปแล้ว.... เรื่องนี้ เลขา สพฐ. ชี้แจงว่า

ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า มีผู้ปกครองแสดงความห่วงใยเข้ามายัง สพฐ.ค่อนข้างมากว่า เด็กที่อยู่นอกพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ จะเข้ามาใช้สิทธิสอบในพื้นที่ 8 จังหวัดด้วย เนื่องจากสอบช้ากว่าปฏิทินเดิม ขอให้ผู้ปกครองคลายความกังวล เพราะ สพฐ.กำลังหาวิธีป้องกันไม่ให้เด็กเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เด็กทุกคนจะต้องได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันและด้วยความเป็นธรรม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.จะพิจารณาและประกาศแนวทางอย่างเป็นทางการต่อไป
จากมติชนออนไลน์ 19 มีนาคม 2553

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2553
หวั่นเก็บเงินมัดจำสกัดนร.สละสิทธิ์

นายกสมาคมผู้ปกครองฯและครูโรงเรียนเทพศิรินทร์ หวั่น สถานศึกษา เก็บเงินมัดจำ ป้องกันเด็กสละสิทธิ์ สอบ เข้าม. 1 และ ม. 4 เพื่อ มาสอบใหม่ใน 8 จังหวัดที่เลื่อนสมัคร ชี้ ยังไม่เห็นแนวทางป้องกัน...

นาย ประสิทธิ์ มีแต้ม นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเทพศิรินทร์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการประกาศเลื่อนปฏิทินการรับนักเรียนใน 8 จังหวัด ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ส่วน 68 จังหวัดหรือ 169 เขตพื้นที่การศึกษาที่เหลือ ให้ใช้ปฏิทินรับนักเรียนเดิมนั้น ตนได้พูดคุยกับผู้บริหารสถานศึกษาหลายแห่ง พบว่ากำลังเกิดความวิตกกังวลว่าเด็กที่สอบคัดเลือกเข้า ม.1 และ ม.4 ได้แล้ว จะสละสิทธิ์แล้วมาสอบคัดเลือกใหม่ในสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัดที่รับสมัครภายหลัง โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ สถานศึกษาจึงกำลังคิดหาแนวทางการป้องกันการสละสิทธิ์ โดยอาจเกิดปัญหาการเรียกเก็บเงินบางรายการที่สถานศึกษาสามารถเรียกเก็บได้ ก่อนเวลา เพื่อเป็นหลักประกันว่าเด็กจะไม่สละสิทธิ์ ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ ผู้ปกครอง

นายประสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนการป้องกันไม่ให้ เด็กใน 68 จังหวัดมาสอบใหม่นั้น ตนยังไม่เห็นแนวทางที่จะป้องกันได้ เพราะ สพฐ.ไม่มีระบบข้อมูลออนไลน์เหมือนกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดม ศึกษา (สกอ.) ประกอบกับมีสถานศึกษาและเด็กจำนวนมาก การจะให้สถานศึกษาช่วยตรวจสอบจึงทำได้ยาก ทั้งนี้ สพฐ.รอประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหลังวันที่ 23 มี.ค.แล้วจึงประกาศการรับสมัครนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ตนหวั่นว่าอาจจะต้องมีการเลื่อนการมอบตัวออกไป เพราะสถานศึกษาดำเนินการสอบคัดเลือกไม่ทัน โดยเฉพาะสถานศึกษาขนาดใหญ่ ดังนั้น ควรประกาศให้สถานศึกษาใน 8 จังหวัดใช้คะแนนสอบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ในการพิจารณาคัดเลือกเด็กเข้าเรียน ม.1 และ ม.4 ซึ่งจะสะดวกและย่นเวลา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ว่าจะประกาศผลสอบโอเน็ตได้ทันหรือไม่.

ข่าวคืบหน้าของการประกาศรับสมัครนักเรียน ม.1 และ ม.4 ของเบญจมฯ

ข่าวจากไทยรัฐออนไลน์ 23 มีนาคม 2553

รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเตรียมแถลง วันรับสมัครสอบนักเรียน ม.1 และ ม.4 ในเขตจังหวัดที่ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี....

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดวันรับสมัครนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 7 จังหวัด หลังจากประกาศเลื่อนการรับสมัคร เนื่องจากมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีเช้าวันนี้ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะแถลงข่าวเกี่ยวกับแนวปฏิบัติและการรับสมัครนักเรียน ส่วนประเด็นที่คณะรัฐมนตรีเตรียมพิจารณาขยายเวลาการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ออกไป คาดว่าจะไม่กระทบและเลื่อนการรับสมัครออกไปอีก เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการได้ประเมินสถานการณ์มาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีเหตุรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมด้านการศึกษา

เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยืนยันด้วยว่า การเลื่อนการรับสมัครและสอบของนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 จะไม่มีผลกระทบต่อการมอบตัวนักเรียนและส่งผลให้เลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไป อีก โดยจะดำเนินการให้ตรงตามปฏิทินการศึกษาต่อไป.