:: ผู้อำนวยการโรงเรียน :: 
 
 
 ว่าที่ ร.ต.เกชา กลิ่นเพ็ง ผู้อำนวยการ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 
 
 
 
Graphical counter from SEP 2550 
 
 
Oh no! Where's the 
JavaScript ?
Your Web browser does not have JavaScript enabled or does not support JavaScript. Please 
enable JavaScript  on your Web browser to properly view this Web site,
 or 
upgrade  to a Web browser that does support JavaScript; 
Firefox , 
Safari , 
Opera , 
Chrome  or a version of 
Internet Explorer  newer then version 6.
 
 
 
เมื่อคุณชอบแค่ฟังและพูด !!! 
 
 
ผมไม่แปลกใจว่าเพราะเหตุอันใดผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนรู้ของเด็กไทยจึงไม่พัฒนาไปเท่าที่ควร 
 
สิ่งหนึ่งที่เห็นจำเจทุกวันเวลาขณะทำงานในโรงเรียนคือ เด็กๆจะใช้ปากและหู มากกว่าการอ่านและเขียน 
 
การใช้ปากและหูในความหมายของผมคือ เด็กจำนวนมากถึงมากที่สุดใช้ปากพูดเกือบตลอดเวลาโดยไม่เลือกกาละเทศะ พูดกับใคร...ก็พูดกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆกันนั่นเอง  และวิธีการพูดคือใช้การตะโกนมากกว่าการพูดในระดับเสียงปกติ 
 
ยังสงสัยว่าเด็กพวกนี้มีความพิการทางหูหรืออย่างไร จึงต้องใช้วิธีการตะโกนคุยกัน 
 
 
 
กลับมาที่ประเด็นที่ต้องการสื่อในบทความนี้ 
 
ทั้งความหมายของการพูดและฟัง รวมถึงการอ่านและเขียน ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการใช้ภาษาของมนุษย์ 
 
การที่มนุษย์เจริญได้มาถึงวันนี้คือมนุษย์มีคุณสมบัติอันวิเศษที่สามารถสื่อสารกันได้ ทำให้เกิดองค์ความรู้จากการนำความรู้จากการคิดแล้วพูดถกเถียงหาเหตุผลจากผู้รู้คนอื่นๆ แล้วแปลความสรุปมาเป็นตัวอักษรบันทึกเรื่องราวลงในแผ่นศิลาและหรือกระดาษ ให้คนรุ่นหลังได้อ่านได้ศึกษาต่อยอดความรู้ด้านต่างๆกันมานับศตวรรษ 
 
จะเห็นว่าการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน จะต้องเกาะเกี่ยวหนุนเนื่องกันจึงจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงและยั่งยืน 
 
แต่สิ่งที่เห็นวันนี้ เด็กของเราส่วนมากอ่านน้อยเขียนน้อย ชอบเรียนรู้จากการฟังจากคนอื่นพูดเสียส่วนใหญ่ โดยลืมข้อจำกัดของสมองมนุษย์ไปอย่างหนึ่งคือมันมีขีดจำกัดสำหรับการรับข้อมูลเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำของสมอง จึงมีข้อมูลความรู้จำนวนมากที่ไหลผ่านการได้ยินแล้วหายไปจากความทรงจำ อีกทั้งการฟังนั้นบางครั้งฟังได้เพียงครั้งเดียว  ดังนั้นเด็กที่ชอบเรียนรู้จากการฟังอย่างเดียวโดยไม่ชอบอ่านจึงมีผลสัมฤทธิ์ด้านการวัดประเมินผลต่ำมาก 
 
ณ วันนี้ มีนักเรียนมากกว่าครึ่งโรงเรียนไม่ชอบการอ่าน (ฟันธง)  
 
ความหมายของการอ่านของผมคือ การอ่านหนังสือที่มีสาระทั้งหนังสือแบบเรียน บทความทางวิชาการ หรือบทความจากผู้รู้ในเรื่องสังคม เศรษฐกิจ การเมือง จะไม่รวมถึงการ์ตูน..ที่มีข้อความแค่ โอ๊ะ..อุ๊ย ... อ่ายยยยย .... วู้ๆๆๆๆ ..อะไรทำนองนี้  
 
เมื่อเด็กไม่ใช่นักอ่าน จึงเห็นเด็กจำนวนมากมายเข้าสู่ระบบการเรียนพิเศษ ไปนั่งฟังติวเตอร์สรุปสาระสำคัญให้ฟังพร้อมทั้งเฮฮาไปกับคำพูดตลกโปกฮาของติวเตอร์ที่เด็กชอบ ทำให้บกพร่องด้านกระบวนการเรียนรู้ที่นักเรียนมีความจำเป็นต้องเรียนรู้จากฐานความคิดเป็นลำดับและต้องฝึกทำจนชำนาญ 
 
ถ้าๆเด็กๆเป็นนักอ่าน..เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาการเรียนรู้ให้กับตนเองได้อย่างมากมายมหาศาล 
 
เสียดายจริงๆที่วันนี้มองเห็นแต่เด็กที่ชอบฟังและพูดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง มากกว่าเด็กที่หาความรู้ให้ตัวเองด้วยการอ่านและเขียน ... ก็พอจะมองเห็นอนาคตของประเทศแล้วนะว่าต่อไปนี้ประเทศของเราจะเป็นอย่างไร จะเป็นเสือตัวที่เท่าไรของทวีปเอเซีย !!!  
 
 
 
No Comments have been Posted.
 
 
Please Login to Post a Comment.
 
 
  <<  July 2028  >>  
	
	 
 
	Mo 
	Tu 
	We 
	Th 
	Fr 
	Sa 
	Su 
 
 
	  
	  
	  
	  
	  
	 1 
	 2 
 
	 3 
	 4 
	 5 
	 6 
	 7 
	 8 
	 9 
 
	10 
	11 
	12 
	13 
	14 
	15 
	16 
 
	17 
	18 
	19 
	20 
	21 
	22 
	23 
 
	24 
	25 
	26 
	27 
	28 
	29 
	30 
 
	31 
	  
	  
	  
	  
	  
	  
 
 
No events. 
 
 
 
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก(EIT1)