:: ผู้อำนวยการโรงเรียน ::

นายชัชชัย พุทธสุวรรณ์
ผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
About BRR
 ภูมิหลัง
 ผู้บริหารโรงเรียน
 เป้าพัฒนาโรงเรียน
 อาณาเขตของเบญจมฯ
 แผนที่ที่ตั้งโรงเรียน
 ทำเนียบผู้บริหาร
 ทำเนียบครู
 กรรมการสถานศึกษา
 ทำเนียบประธานนักเรียน
 สถานที่
 เบญจมฯศูนย์บางเตย
 ข้อมูลการติดต่อ
Graphical counter
from SEP 2550
Truehits stat
Counter Map
Locations of visitors to this page
Articles Hierarchy
Articles Home » ประสบการณ์ประทับใจ » My Diary !!!
My Diary !!!
เป็นเรื่องที่ผมเขียนเพื่อตีพิมพ์ในหนังสือที่ระลึกงานเกษียณอายุราชการของกลุ่มเพื่อนครูเมื่อปี 2522 อ่านแล้วมีบางอย่างที่คนรุ่นใหม่น่าจะได้รับรู้บ้างกับประสบการณ์ของครูแก่ๆคนหนึ่ง ถ้ามีประโยชน์ก็เก็บเอาสาระนั้นไปใช้นะครับ หากมันไม่น่าสนใจก็อ่านผ่านๆไปสนุกบ้างไม่สนุกบ้าง.... คงไม่เสียเวลามากหรอกนะครับ

ในหนังสือที่ระลึกนั้น เพื่อนบอกให้ตีพิมพ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม รวม 31 วัน 31 เรื่องสั้นๆครับ



----------------------------------------------------

วันที่1

ความจริงผมเป็นคนบ้านน้อก...บ้านนอก เกิดอยู่ชายขอบของเมืองแปดริ้ว (บ้านหนองบัว ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา) แต่ก็ภูมิใจตัวเองนะว่าคนบ้านนอกคนหนึ่งก็มีความสามารถทำงานจนมาถึงเส้นชัย แม้ว่าการเดินทางมาถึงนั้นจะเป็นคนสุดท้ายก็ภูมิใจ

ของฝากวันนี้คือ "จงพอใจกับสิ่งที่ตนเองมี" ลองไปขยายความกันเอาเองนะครับ


วันที่ 2

ความกลัวทำให้เสื่อม... แต่บางครั้งความกลัวก็ทำให้เจริญได้เหมือนกัน

คิด ถึงสมัยเป็นเด็กนะ.... ผมเคยโดนพ่อ และแม่ตีด้วยไม้เรียว..ก้านมะยม ... ความรู้สึกที่จำได้คือเจ็บ..และกลัวจะต้องโดนตีอีก จึงไม่ทำเรื่องอย่างนั้นซ้ำอีก แต่ก็โดนตีมาหลายครั้ง

ความจริงโดน ตี มันแค่เจ็บและทำให้จำว่าต้องไม่ทำผิดอีก ซึ่งความจริงการลงโทษมีหลากหลายวิธี แต่สังคมไทยสมัยเก่าๆจะใช้คติที่ว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" ซึ่งมันก็ยังใช้ได้นะว่ามั้ย

ลองไปถามเด็กๆศิษย์เก่าที่โดนครูตีดูสิ... หลายคนจะบอกว่า "ผมได้ดีมาถึงวันนี้เพราะไม้เรียวของครู"

อย่างไรก็ตามที่ผมโดนพ่อ แม่ตี ก็สมควรอยู่หรอก เพราะดื้อ ไม่เชื่อฟังท่านนั่นเอง

วันที่ 3

ผม กับเพื่อนเคยจับจิ้งหรีดมาเลี้ยง แล้วเอามากัดกันในหลุมดินที่ใช้เสียมขุดลึกลงไปประมาณ 1 ฟุต ... มีความรู้สึกว่าสนุกไปตามประสาเด็ก พอเบื่อๆและเมื่อถึงฤดูทำนาหลังจากพ่อ แม่ ญาติ ปักดำข้าวเสร็จ ในช่วงที่ข้าวกำลังตั้งต้นเจริญงอกงามเขียวขจีนั้น เป็นเวลาที่ผมและเพื่อนออกไปหาปลากัดกันตามท้องนา
หาง่ายๆเลย เพราะปลากัดชอบก่อหวอดเพื่อให้ปลาตัวเมียวางไข่ตามขอบคันนา พวกเราก็เอาสวิงไปช้อนที่หวอดนั่นแหละ ก็จะได้ปลากัดตัวผู้มา ซึ่งในตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรจึงได้ตัวผู้ เพียงแต่ได้รับคำสอนจากผู้ใหญ่ว่าเอาสวิงไปช้อนมาแค่นั้น
เมื่อผมมีโอกาส เรียนสูงขึ้นจึงรู้ว่า แท้จริงแล้ว ตัวผู้ก่อหวอดไว้หลังจากรัดตัวเมียจนไข่ออกมาผสมน้ำเชื้อแล้ว ตัวผู้จะรีบอมไข่มาพ่นไว้ในหวอด แล้วก็เฝ้าไข่กีดกันศัตรูรวมถึงปลากัดตัวเมียไม่ให้มากินไข่

จึงเป็นคำตอบว่าเมื่อใช้สวิงช้อนในเบริเวณหวอดปลากัด จึงได้ปลากัดตัวผู้.....

วันที่ 4
ชีวิต เหมือนนิยาย .. ผมนั่งคิดถึงอดีตสมัยจบ ป.4 ต้องไปเรียนต่อ ม.1 ที่โรงเรียนวัดท่าเกวียนในอำเภอพนมสารคามเมื่อปี 2500 ซึ่งห่างจากบ้านหนองบัวบ้านเกิดผมไปประมาณ 6 กิโลเมตร ผมต้องขี่รถจักรยานที่สูงเกือบท่วมหัวไปตามถนน (คันนาขนาดใหญ่)ไปโรงเรียนทุกวัน ที่สร้างรสชาติให้ชีวิตที่สุดคือหน้าฝน เพราะต้องขี่จักรยาน...จูงจักรยานในช่วงถนนดินเหนียว ต้องแคะดินออกจากล้อรถ เสื้อผ้า รองเท้าไม่ต้องพูดถึง มอมแมมไปหมด... ผมแวะล้างเนื้อล้างตัวที่คูน้ำข้างทางก่อนถึงโรงเรียน (น้ำใส สะอาดนะจะบอกให้ ไม่สกปรกเหมือนเดี๋ยวนี้หรอก) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมอมแมมอยู่ดี ... เชื่อมั้ยไม่มีใครรู้สึกแปลกแยก .. เหตุเพราะ สภาพของผมกับเพื่อนมันไม่ได้แตกต่างกันมากมายเท่านั้นเอง .. ฮา

วันที่ 5
วัยเด็กนี่เป็นวัยที่ไม่กลัวอันตราย..จริงๆนะ
เมื่อ ผมย้ายตามพ่อไปอยู่ที่จังหวัดตราดปี 2501 .. หลังบ้านเช่าเป็นคลองที่ไหลออกสู่ทะเล ที่คลองหลังบ้านนี่เองเป็นที่เล่นสนุกของผมกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันใน วันหยุด หรือเวลาว่างกลับจากโรงเรียน และเมื่อถึงเวลาน้ำหลาก น้ำในคลองจะไหลแรง แต่เชื่อมั้ย ผมกับเพื่อนไม่เคยคิดกลัว มีแต่คิดสนุก ยิ่งเมื่อมีเจ้าของเรือประมง นำเรือมาจมเอาไว้กลางคลอง ยิ่งสนุก เพราะเป็นที่พักกลางน้ำ ก่อนที่จะว่ายไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อไปตัดลูกจากที่ขึ้นเป็นดง ผมและเพื่อนๆเดินลัดเลาะไปทางต้นน้ำ เมื่อได้ทะลายจากแล้ว ก็ลากลงคลองใช้พยุงตัวไหลตามน้ำมาจนถึงบ้าน...สนุกมากกกกกกกกกกกก

เมื่อคิดย้อนไป...เป็นบุญนักหนาที่ไม่ถูกน้ำพัดจมหายตายไปเสียก่อน


วันที่ 6
ลูกผู้ชาย...ฆ่าได้ หยามกันไม่ได้
เมื่อ ผมย้ายตามพ่อไปเรียนที่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล จังหวัดสกลนคร เมื่อปี 2502 ที่นี่ผมมีเพื่อนเรียนมากมาย มีครั้งหนึ่งนะ..ที่เกิดเหตุจนถึงขั้นชกต่อยกันที่โรงพลศึกษา เพียงคำท้าต่อยของเพื่อน ซึ่งความจริงผมไม่ใช่คนกร้าวร้าว แต่เพราะสถานการณ์ตอนนั้นมันพาไปเพียงเพราะคำท้า...ลูกผู้ชายหยามกันไม่ได้ .. จึงจัดไป

ผมต่อยกับเพื่อนด้วยหมัดลุ่นๆไม่ใส่นวม ต่างคนต่างก็ต่อยมวยไม่เป็นหรอก .. เราขว้างหมัดใส่กัน แต่ผมโชคดีที่ชกไปโดนที่ปากเพื่อน ผมได้แผลที่นิ้งโป้งขวา เพื่อนผมปากแตก เราได้เลือดทั้งคู่ เมื่อเห็นเลือด ต่างคนต่างหยุด...เลิกแล้วต่อกัน ... นั่นคือความรุนแรงเพียงครั้งเดียวในชีวิต

วันที่7
ปี 2507 ต่อปี 2508 เป็นปีที่ผมจะจบชั้น มศ.3 ด้วยความชอบที่จะเรียนด้านวิชาชีพที่เทคนิคไทย-เยอรมัน ขอนแก่น ผมเรียนกวดวิชาทางไปรษณีย์ แต่เมื่อเอาเข้าจริงชีวิตหักเหต้องสอบเข้าเรียนวิชาชีพครู ที่สมัยนั้นรับคนจบ มศ.3 เรียนโรงเรียนฝึกหัดครูสกลนคร เพราะใกล้บ้าน ด้วยอานิสงฆ์ของการกวดวิชามั้ง เลยสอบติด แล้วก็เรียน โดยยังไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ ... แต่เมื่อเรียนไปแล้วจึงรู้ว่า ก็สามารถทำใจให้ชอบได้นะ.....

วันที่ 8
ไม่เก่ง แต่เฮง หรือเปล่า ซึ่งคงไม่ใช่มั้ง เพราะความที่เรียนก็เอา กิจกรรมก็ร่วม ผมได้รับเลือกเรียนต่อระดับสูงขึ้นไป จากโรงเรียนฝึกหัดครู ไปเรียนวิทยาลัยครู และระดับปริญญาตรี โดยไม่ต้องสอบแข่งขัน ถือว่าเป็นชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ในเรื่องสอบแต่ก็ประสบความสำเร็จที่ เรียนและทำกิจกรรมควบคู่กันไป จริงมั้ยครับ

วันที่9
ชีวิตชาวหอ 6 ปี ได้เห็นอะไรแปลกๆหลายอย่าง มีครั้งหนึ่งที่หอพักสมัยเรียนโรงเรียนฝึกหัดครู ปี 2508... คงรู้กันว่า วัยรุ่นสมัยนั้นก็ริสูบบุหรี่ ... เพื่อนผมคนหนึ่งติดบุหรี่ยี่ห้อกรุงทองงอมแงม มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เพื่อนก็มาถามว่ามีไม้ขีดมั้ย ซึ่งตอนนั้นเพื่อนถามทั้งหอพักแล้ว ไม่มีไม้ขีด หรือไฟแช็กสักอย่างเลย เพื่อนผมต้องเอาบุหรี่มาลนกับหลอดไฟ 100 วัตต์ จนมันเกรียมแต่ไม่ติดไฟ ได้อาศัยกลิ่นไอที่มันโดนความร้อนซื้ดเข้าปอด ... ยังมองเห็นภาพเพื่อนทำอย่างนั้นมาถึงวันนี้ เสพติดมากก็ไม่ดีเนาะ .. มันทรมานใจ

วันที่10
เส้น ยาแดงผ่าแปด... เมื่อผมต้องลุ้นว่าผมจะได้รับเลือกให้เรียนต่อในระดับปริญญาตรีวิทยาลัย วิชาการศึกษามหาสารคามหรือไม่จากคณะกรรมการซึ่งเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยครู อุดรธานี .. เมื่อประกาศผลปรากฎว่ามีชื่อผมในประกาศคนสุดท้าย... นั่นคือความเมตตาของอาจารย์ที่เลือกระหว่างคนที่มีคะแนนเท่ากัน 2 คน ซึ่งจะต้องมาใช้เกณฑ์อื่นเข้าช่วยในการตัดสินใจ... คำว่าเด็กกิจกรรมจึงน่าจะมีผลในการตัดสินใจของอาจารย์ในครั้งนั้น

วันที่11
ความ ผิดหวังที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนเอง มันสร้างความเจ็บปวดเหมือนกันนะ ... ที่พูดอย่างนี้เพราะการเรียนในระดับปริญญาผมทำคะแนนไม่ดีเท่าที่ควร เพราะคำว่าเด็กกิจกรรมนี่แหละ เห็นเรื่องเรียนเป็นเรื่องรอง ดังนั้นผลการเรียนในแต่ละวิชาจึงอยู่ที่ B กับ C มี A อยู่เพียงวิชาเดียวคือ วิชา AV (Audio Visual) เพราะชอบ เพราะผลการเรียนที่ไม่ถึง 2.5 ทำให้เมื่อมาทำงานแล้วและต้องการเรียนต่อจึงถูกกฏเหล็กข้อนี้สะกัดเอาไว้ ... เด็กรุ่นหลังอ่านแล้วก็ลองนำไปพิจารณาจัดการกับชีวิตวัยเรียนดูนะครับ

วันที่12
เคย กินกันมั้ย ..ส้มตำแสนเผ็ดเพราะใส่พริกเท่าอายุ แกล้มข้าวราดผัดดอกกุยช่าย(ชาวหอเรียกผักไม้กวาด) อร่อยอย่าบอกใคร... แต่โคตรเผ็ดจนเหมือนปากอมถ่านไฟร้อนๆ เรื่องนี้นำเสนอโดยผมและเพื่อนสมัยอยู่หอพักที่ วศ.มหาสารคาม เพราะความอยากจะลองนี่แหละครับว่ามันจะเผ็ดแค่ไหน มันเป็นรสชาติของชีวิตครับ ซึ่งในเวลาต่อมาไม่เคยลิ้มรสส้มตำใส่พริกขนาดนั้นอีกเลย เพราะครั้งเดียวก็เกินพอ

วันที่13
ไม่เดินเข้าหางาน คงไม่มีงานเดินเข้าหาเรา ... เมื่อเรียนจบสิ่งแรกที่ต้องคิดคือต้องหางานทำ ตั้งใจจะสอบเข้าทำงานที่ กทม. และที่ระยอง (ไปกับเพื่อน) ซึ่งทั้ง 2 แห่ง ล้มเหลว แต่ปรากฏว่าเมื่อกลับไปที่อุดรธานี กลับได้งานทำอย่างไม่คาดฝันและไม่ได้ตั้งตัว เมื่อเดินเข้าไปที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ได้คุยกับฝ่ายธุรการ ฝ่ายวิชาการแล้วบอกว่าให้ผมมาทำงานสอนในวันรุ่งขึ้นทันที
โอ้พระเจ้าจอร์ จมันยอดมาก ..เสื้อผ้าสัมภาระของผมยังอยู่ที่บ้านญาติใน กทม.เลย ต้องยืมเสื้อของเพื่อนใส่ไปทำงาน จนถึงวันศุกร์จึงไปเอาเสื้อผ้าสัมภาระที่ กทม. แล้วกลับไปปักหลักที่อุดรธานี (พฤษภาคม ปี 2515)

วันที่14
ความ ลับที่ผมได้เข้าทำงานในโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล คือทักษะด้านดนตรีและกีฬา ผมเล่นฟุตบอลพอได้ เล่นดนตรีก็พอเอาได้ จึงมานั่งคิดในเวลาต่อมาแล้วก็บอกลูกศิษย์ทั้งหลายว่า ทักษะพิเศษนี่นะเป็นความพิเศษจริงๆ เพราะเมื่อเรียนจบสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เหนือกว่าคนอื่นๆคือความสามารถพิเศษ สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนรับสมัครตัดสินใจได้ง่ายขึ้น... ที่ยกเรื่องนี้มาพูดเพราะในช่วงนั้นโรงเรียนอุดรพิทยานุกูลกำลังส่งเสริมใน เรื่องกีฬามากทั้งครู ทั้งเด็ก เมื่อผมเล่นฟุตบอลได้ จึงเป็นโอกาสของผมที่เหนือกว่าคนอื่นนั่นเอง

วันที่15
ความลับอีก อย่างที่ไม่ลับ.... เรื่องการทำงานสอน ผมเรียนจบด้านวิชาภาษาไทย ผมจะต้องให้ลูกศิษย์มองผมว่าเป็นคนเก่ง(แม้ว่าอาจจะยังไม่เก่งก็ตาม) เช่นผมร้องเพลงได้ ผมเล่นดนตรีได้ ผมแต่งกลอนด้นกลอนได้ และปัจจุบันผมใช้เทคโนโลยีได้ ทั้งนี้เพราะผมเรียนรู้ว่าการที่จะสอนใครได้นั้นจะต้องให้ใครๆนั้นมีความ เชื่อมั่นและศรัทธาเสียก่อน ผมจึงต้องแสดงออกอย่างเต็มที่ว่าผมรู้และผมเก่งพอที่จะแนะนำเขาได้แล้วจะ ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมทันทีในสิ่งที่ยังไม่รู้
เคล็ดลับนี้ผมบอกกับรุ่นน้องๆตลอดมาว่า จะต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง และอย่าแสดงความไม่รู้ต่อหน้าเด็กๆ

วันที่16
ผม เกือบตายเพราะความไม่รู้... เมื่อวันหนึ่ง (ปี2517) กำลังเล่นไพ่ดรัมมี่กับเพื่อนๆคลายเครียดในวันหยุด ขณะกำลังเล่นเพลินๆ เพื่อนที่นั่งข้างๆคว้าปืน 11 มม.ของเพื่อนที่วางบนเตียงมีซองกระสุนวางไว้ข้างๆ เอามาจ่อที่บั้นเอวผม ผมก็ปัดออกว่าอย่าเล่นน่า ... เจ้าของปืนหันมาเห็นรีบร้องห้ามพร้อมกับรีบแย่งปืนออกไปจากมือเพื่อนผม พร้อมกับบอกว่ามันมีลูกนะเว้ย... เพราะซองกระสุนที่เห็นวางข้างๆน่ะเป็นซองกระสุนสำรอง .. เท่านั้นแหละเสียงอุทานดังลั่นทั้งห้องเลย
เกือบไปแล้ว...หากเพื่อนเหนี่ยวไกปืน ช่องท้องผมคงกระจุยแน่ คุยกันเรื่องนี้ทีไร ผมเสียววาบที่บั้นเอวทุกครั้ง...พับผ่าเถอะ

วันที่17
ความ รักเหมือนยาขม... ประสบการณ์นี้เก็บมาจากชีวิตของเพื่อนผมเองสมัยหนุ่มๆประมาณ ปี 2517-2518 เมื่อเพื่อนพลาดรักสิ่งที่เพื่อนทำได้คือหันเข้าหาเหล้า เข้าบาร์ ใช้ชีวิตให้เพลิดเพลินไปวันๆ อ้างว่าเพื่อให้ลืม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ต้องนำมาเขียนคือ ที่อ้างว่าทำให้ลืมอดีตได้นั้นไม่จริง เพราะยิ่งทำให้คิดมากขึ้นไปอีก เพราะการแสวงหาดังกล่าวนั้นนอกจากไม่ได้ผลแล้ว กลับทำให้ต้องสิ้นเปลือง เปลืองทั้งตัว และเปลืองทั้งเงิน

วันที่18
หนังสือพิมพ์กำแพง (wall news) ชื่อนี้คุ้นๆมั้ยครับ ประมาณปี 2516 ซึ่งเป็นปีที่กำลังมีความขัดแย้งทางลัทธิการเมือง ผมกับเพื่อน(ร่วมอุดมการณ์)ทำหนังสือพิมพ์ขึ้นมาในโรงเรียน เราสองคนสอนภาษาเหมือนกัน เพียงแต่คนละภาษาเท่านั้น และเป็นคนอ่านหนังสือสไตล์เดียวกัน เพื่อนผมเป็นคนเขียนและบรรณาธิการ ผมเป็นคนเขียนแล้วก็วางรูปแบบในการติดข่าวกับบอร์ด ข้อเขียนมีทั้งตัดข่าว มีทั้งเขียนเองด้วยลายมือและหรือพิมพ์ดีด เนื้อหาสาระของหนังสือพิมพ์นี้เน้นในเรื่องการเมืองการปกครองตามกระแสในช่วง นั้น ... การที่จะเขียนได้ต้องอ่านมาก นี่คือความเป็นจริง ช่วงนั้นผมอ่านวารสาร และพ็อกเก็ตบุ๊คนับร้อยเล่ม เพื่อนำมาประมวลเป็นบทความที่ต้องการเขียน.... หากใครคิดจะทำกิจกรรมนี้ ก็ลองมาปรึกษาได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์

วันที่19
คงเป็นโชคดีของผม ที่เมื่อคราวขอย้ายที่ทำงานจากโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ในปี 2520 ไปยังโรงเรียนท่ามะกา เป็นอันดับ1 และโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ เป็นอันดับ2 ถูกผู้ใหญ่ดึงตัวมาที่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ โดยผมไม่คิดว่าจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ หากผมย้ายไปที่ท่ามะกา ผมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์คงได้ไปร่วมอุดมการณ์ที่ปรโลกด้วยกัน เพราะที่นั่นเพื่อนผมไปขัดแย้งกับกลุ่มอิทธิพลเมื่อประมาณปี 2522 ส่งผลให้ถูกยิงตายโดยจับมือใครดมไม่ได้.... เป็นข้อคิดอย่างหนึ่งว่า อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เพราะว่ามันไม่เคยสำเร็จสักราย เหมือนกับเพื่อนของผมที่ต้องจบชีวิตลงอย่างไม่มีความหมายใดๆเลย

วันที่20
ผม เคยบอกว่า ผมมีความสามารถด้านดนตรีพออาศัยได้ เมื่อมาอยู่ที่เบญจมฯ จึงสร้างกลุ่มคนรักดนตรีให้กับครูและนักเรียน ตั้งแต่ประมาณปี 2521 - 2536 พยายามจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือมาให้กลุ่มได้ฝึกซ้อมและเล่นกัน จนเป็นวงดนตรีชื่อ เบญจมาส มีทั้งครูทั้งเด็กร่วมเล่นเป็นวงเดียวกัน พยายามซ้อมและออกแสดงในทุกครั้งที่มีโอกาส โดยเฉพาะที่เวทีกลางในงานประจำปีของแปดริ้ว เป็นที่ภูมิใจของทั้งเด็กทั้งครู
เชื่อหรือไม่ว่า มีเด็กๆหลายคนที่ผ่านกลุ่มกิจกรรมนี้ไปสามารถนำทักษะทั้งเรื่องดนตรี ทักษะเรื่องการจัดการระบบเสียงไปใช้ได้เมื่อเรียนจบจากเบญจมฯไปแล้ว


วันที่21
"อย่าให้ความขาดแคลน เป็นอุปสรรคในการทำงาน"
ผม ยึดคำกล่าวนี้เป็นคติเตือนใจในการทำงานของผมตลอดมา เพราะการทำงานทุกอย่างในระบบราชการนั้นจะให้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมดคงไม่ได้ ดังนั้นคนทำงานจึงต้องใจเย็นและรอโอกาส ทำงานโดยใช้ปัจจัยเกื้อหนุนที่มีอยูเป็นทุนเดิม พร้อมทั้งมองหา จัดหาสิ่งที่ขาดแคลนมาเสริมในภายหลัง แม้ต้องใช้เวลาก็ต้องยอมเพื่อให้งานบรรลุผล ทำให้งานในส่วนที่รับผิดชอบมีการพัฒนาที่เห็นได้ชัดเจนในเวลาต่อมา... slow but shure จึงน่าจะเป็นคำพูดที่ไม่เกินความจริง....จริงๆนะครับ

วันที่22
ความ สมดุลย์ระหว่างงานกับครอบครัว.... เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมมีปัญหา เพราะผมจะให้น้ำหนักเรื่องงานมากเกินไป ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่จึงอยู่ที่งาน แม้เป็นเวลาค่ำคืนก็ตาม....นี่คือข้อเสียที่ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง ผลลัพธ์ที่ได้คือลูกเมืยต้องอยู่บ้านกันโดยมีผมอยู่ด้วยน้อยเต็มที แต่อย่างไรก็ตามความเข้าใจของลูกและเมียที่มีให้ผมก็ถือเป็นเรื่องที่ผม ประทับใจและรักพวกเขามากที่สุด

วันที่23
จากไม่รู้กลายเป็นรู้ แม้ไม่เก่งแต่ก็สามารถสร้างสรรได้
นี่ คือเรื่องที่ต้องการสื่อให้เห็นว่า อะไรก็ตามในโลกนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงถ้าคนคิดจะทำมัน เช่นเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์...ผมเริ่มจากไม่รู้อะไร ได้รับการจุดประกายจากเพื่อน เรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยทักษะด้านไฟฟ้าอีเลคทรอนิคส์ที่ร่ำเรียนมาเพียงน้อยนิดสมัยเรียนวิชาโท อุตสาหกรรมในระดับ ป.กศ.สูง ผมได้สัมผัสและเรียนรู้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 2529 เตาะแตะเรื่อยมาจนเขียนโปรแกรมดาตาเบสเพื่อใช้เก็บข้อมูลในงานที่รับผิดชอบ ได้ แล้วก็เป็นที่มาของงานสอนวิชาคอมพิวเตอร์ในโอกาสต่อมา จนเป็นที่รู้จักของครูของเด็กในจังหวัดฉะเชิงเทรา..... เพราะการอ่าน การฝึกฝนด้วยตนเอง และรับความรู้จากผู้รู้ ประกอบกันจนเป็นนักเทคโนโลยีทั้ง เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในปัจจุบันครับ

วันที่24
ความปิติ ... คุณเคยสัมผัสหรือไม่
การ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นความปิติ อิ่มบุญ เป็นความรู้สึกที่ยากในการพรรณนาความ ... เช้าตรู่วันหนึ่งผมรับฟังเรื่องราวทางวิทยุกระจายเสียง จส. 100 ถึงความโชคร้ายของใครคนหนึ่ง ที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมยกหูโทรศัพท์โทรเข้ารายการทันที โดยไม่ได้คิดว่าจะได้ผลตอบแทนอะไร คิดอย่างเดียวว่าต้องการช่วยเหลือคนๆนั้นเท่านั้น ผมแจ้งจำนวนเงินที่บริจาค พร้อมหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ของผมที่ติดต่อได้ แล้วก็วางหู พอสายๆขึ้นก็ไปจัดการโอนเงินเข้าบัญชีให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือคนนั้น ....... ความรู้สึกวันนั้นเป็นความรู้สึกยากบรรยายอย่างที่ผมว่าในตอนแรก มันเกิดความรู้สึกสุขใจ อบอุ่นใจ เบิกบาน อย่างบอกไม่ถูก ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยสัมผัส แต่ยังมีอีกหลายคนยังไม่เคย .. ลองดูสิครับ การให้โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้นเป็นความสุขใจจริงๆ

วันที่25
กลเม็ด เคล็ดที่ไม่ลับในการทำงานกับเด็กๆ.... เราใช้ความรู้สึกธรรมดาเข้าไปจับต้อง เพียงรู้ว่าเด็กๆชอบเกี่ยวกับอะไร เราก็พยายามที่จะทำในสิ่งที่เด็กๆชอบ เช่น เด็กๆชอบคนเก่งเราก็ต้องทำตัวให้เก่งแม้เป็นการสร้างภาพ(เล็กๆ)ก็ต้องยอม เพราะถือว่าคนเก่ง-ครูเก่ง จะเป็นที่ศรัทธาและชอบของเด็กๆ ที่สำคัญคือจริงใจกับเขา ให้ในสิ่งที่เขาขาดมากที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กได้...กิจกรรม AV BEN TEAM เป็นตัวอย่างที่ดี กิจกรรมนี้เกิดขึ้นเพราะการขาดแคลนบุคลากรในงานเทคโนโลยีฯ สามารถแก้ปัญหาให้ผมสามารถทำงานได้โดยไม่ห่วงหน้าพะวงหลังอย่างน้อย 12 ปี

วันที่26
ความ ทรงจำที่ไม่เคยลืม คือความร่วมใจของครูเมื่อปี 2520 ที่ครูทุกคนไม่ว่าแก่หรือหนุ่มสาว ต่างร่วมมือร่วมใจพัฒนาโรงเรียน สร้างโน่นก่อนี่ ทำให้โรงเรียนเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ที่ไฉไลขึ้น... เคยถามตัวเองว่า ทำไมๆๆๆๆ ณ วันนี้ บรรยากาศอย่างวันนั้นจึงไม่เกิดขึ้นอีก.... หรือว่าเราแก่แล้วเลยไม่มีพลังที่จะพัฒนา ขอฝากไว้ก็แล้วกันนะครับ แม้เงินจะเป็นตัวเร่งในการพัฒนางานให้เกิดเร็วขึ้น แต่ใจของคนของครูในโรงเรียนสำคัญกว่า เพราะเงินพัฒนาได้เพียงวัตถุ แต่ใจคนที่ทำงานจะสามารถพัฒนาโรงเรียนให้เจริญอย่างยั่งยืนในทุกด้านได้

วันที่27
เสียดาย..แต่เอาคืนมาไม่ได้
ผม หมายถึงโรงฝึกงานช่างและเครื่องไม้เครื่องมือที่เคยตั้งอยู่ ณ บริเวณสระว่ายน้ำในปัจจุบัน เป็นโรงฝึกงานที่สร้างเด็กเบญจมฯให้มีวิชาชีพพื้นฐานติดตัวเพื่อไปเรียนต่อ ในระดับสูงขึ้น แม้ไม่เรียนต่อ..วิชาชีพที่เรียนไปนั้นก็สามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพหาเงินหา ทองได้ เช่นช่างไฟฟ้า ช่างโลหะ ช่างยนต์ ช่างไม้ก่อสร้าง เป็นต้น เรียกว่ามีช่างพื้นฐานครบถ้วน พร้อมๆกันนั้นหลักสูตรการสอนก็ถูกละลายไปด้วย ลอยแพครูช่างซะอย่างนั้น ... ถ้ายังมีโรงฝึกงาน อย่างน้อยก็น่าจะสามารถใช้เป็นสถานที่ฝึกวิชาชีพให้กับเด็กที่ไม่เก่ง วิชาการให้มีความรู้และโอกาสในสังคมต่อไปได้
เสียดายครับ...เสียดาย

วันที่28
ประยุกต์ใช้...ได้งานที่เท่ากัน
ง่ายๆ ครับ..ผมทำระบบเสียงตามสายต้องเอาสัญญาณเสียงจากตึกหนึ่ง ไปเชื่อมเข้ากับระบบกระจายเสียงที่อยู่อีกตึกหนึ่ง ไกลกันเป็นร้อยๆเมตร ถามว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถนำสัญญาณเสียงไปเชื่อมต่อได้...ผมคิดทันทีและ เห็นว่าที่ใกล้กับระบบกระจายเสียงมีเครื่องรับโทรทัศน์ที่เชื่อมต่อกับระบบ โทรทัศน์วงจรปิดของโรงเรียน .. ดังนั้นผมเพียงนำสัญญาณเสียงจากโทรทัศน์เชื่อมเข้ากับระบบเสียง แล้วผมก็จัดรายการผ่านระบบโทรทัศน์วงจรปิด ผมก็ได้เสียงออกในระบบเสียงตามสายของโรงเรียน โดยไม่ต้องเดินสายสัญญาณเสียงใหม่อีกเส้นหนึ่ง แถมคุณภาพเสียงที่ได้คมชัดเจนซะอีกด้วย..... เคยได้ยินเสียงของผมหรือเปล่าล่ะครับ

วันที่29
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ ที่เบญจมฯ ผมทำหน้าที่เป็นครูประจำชั้นน้อยครั้งมาก แต่การทำหน้าที่ครูประจำชั้นหรือที่เรียกว่าครูที่ปรึกษานั้น ผมสนุกกับมันนะ ... การเป็นครูประจำชั้นในความคิดของผมคือการเป็นพ่อหรือแม่ ที่ต้องคอยดูแล สนับสนุนในสิ่งที่ขาดเหลือ พร้อมทั้งให้ความรักและความเอาใจใส่ลูกหลายคน คอยตัดสิน คอยว่าความในคดีต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม คอยเป็นผู้แนะและผู้นำทางความคิดพื้นฐานที่ดีๆ... ผมทำตัวเป็นพี่ เป็นเพื่อน และเป็นพ่อของพวกเขาได้... เท่านี้เองก็ได้ใจของพวกเขามาอยู่กับเราอย่างมีความสุขอย่างน้อย 1 ปีการศึกษา....

วันที่30
แล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของชีวิตราชการของ ผม....แม้จะยังสนุกกับงาน แต่เมื่อกติกาบอกว่าต้องออกจากตรงนี้ ก็ต้องลุกออกมา ทิ้งภาระงานเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้สานงานต่อ... งานที่ผมก่อไว้อาจจะยังไม่สมบูรณ์ หรืออาจจะสมบูรณ์แล้วแต่ยังไม่มากเท่าที่ต้องการ ก็คงเป็นหน้าที่ของคนรุ่นหลังจะต้องคิดทำต่อไป.... งานใดๆโดยเฉพาะงานด้านเทคนิคมันยากทุกงาน แต่ถ้าใส่ใจเรียนรู้มันมันก็ไม่ใช่งานที่ยากอย่างที่คิด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครสามารถนำวัตถุหรือคนออกจากโลกของเราไปยังห้วงอวกาศ ได้หรอกใช่มั้ยครับ....ลองเรียนรู้และตั้งใจทำมันต่อไปนะครับ


วันที่31
วันสุดท้ายจริงๆ
ขอบ คุณทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเพื่อนครู หรือนักเรียน หรือนักการภารโรง ที่ทำงานด้วยกันมา โดยเฉพาะลูกศิษย์ทุกคน(และโดยเฉพาะเด็กเอวี) ถ้าไม่มีพวกเธอ ครูก็คงไม่มีงานหาเลี้ยงชีวิตและครอบครัว พวกเธอมีบุญคุณกับครูอย่างยิ่ง ... ครูให้เธอ เธอให้ครู ต่างเป็นผู้ให้และผู้รับ แต่อยู่คนละสถานะกันเท่านั้นเอง....สำหรับผู้บังคับบัญชา เพื่อนครู และน้องนักการภารโรง ... ผมดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับท่านทั้งหลาย... ขออโหสิกรรมจากทุกท่านหากผมพลั้งผิดต่อท่านด้วยกาย วาจา หรือใจ (ทำอย่างกับลาบวชนะครับ)
ลาที...มิใช่ลาก่อน ครับ

ณรงค์ นันทวิจิตร
Comments
No Comments have been Posted.
Post Comment
Please Login to Post a Comment.
Events
<< May 2024 >>
Mo Tu We Th Fr Sa Su
    1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31    

No events.

BRR facebook
เอกสาร/ข้อมูล

คู่มือระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (คลิก)

คู่มือนักเรียน
ผู้ปกครองและครู ปีการศึกษา 2566(คลิก)


ใบลากิจ/ลาป่วย (คลิก)

แบบฟอร์มแผนการจัดการเรียนรู้(คลิก)


แบบฟอร์มงานการเงิน (คลิก)


รายงานการประเมินตนเอง (SAR) โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ ปีการศึกษา 2565 (คลิก)

เอกสารรายงานการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ (พ.ศ.2559-2563) ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ (คลิก)

ค้นหาภายในเว็บ BRR
บทความใน BRR
คำถามที่ถามบ่อย
Communicate
เบญจมราชรังสฤษฎิ์
โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
งานบุคลากร โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
งานสารสนเทศ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
กลุ่มสาระฯวิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระคณิตศาสตร์
กลุ่มสาระฯศิลปะ
กลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ
กลุ่มสาระภาษาไทย
กลุ่มสาระย่อยฯคอมพิวเตอร์
IEP
งานแนะแนว โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
เพจสภานักเรียน
To be number one brr
กองร้อยพิเศษเบญจมราชรังสฤษฏิ์
นักศึกษาวิชาทหาร โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
ห้องเรียนสีเขียว โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
AV BEN Studio
TYC ตลาดบ้านใหม่
TYC ตลาดบ้านสุขสำราญ

OK-Blog ครูณรงค์

จังหวัดฉะเชิงเทรา
Web Site in BRR
เว็บไซต์ดั้งเดิม 2550

ALUMNA WEB
เฟซบุ๊คสมาคมศิษย์เก่า
เผยแพร่งาน

เอกสารครูพิมพ์วดี จันทรโกศล(ชุดฝึกทักษะปฏิบัติรำโทน)
เอกสารครูพิมพ์วดี จันทรโกศล(นาฏศิลป์)
เอกสารครูอัมพวรรณ์ เพียรพิจิตร(ชีววิทยา)
เอกสารครูพิมพ์วดี จันทรโกศล(นาฏศิลป์)
เอกสารครูอัจฉรัตน์ ยืนนาน(เคมี)
เอกสารครูสุริยา ช้างพลายแก้ว(สังคมศึกษา)
เอกสารครูฉัตรฐพร ศิริวัน(เคมี)
เอกสารครูรัชดาวรรณ์ จริยาวัตรโสภณ(ระบบนิเวศ)
เอกสารครูเพ็ญนภา ทองดี(วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น)
เอกสารครูอดุลย์ วิริยาพันธ์(ภาษาไทย)
เว็บเรียนรู้
ศูนย์การเรียนชีววิทยา
บทเรียนออนไลน์​ เรื่อง​ เครื่องดนตรีไทยและวงดนตรีไทย​ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่​ 4​ จัดทำโดย​ ครูปพิชญา​ อ่อนสำลี​ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
..:: L-AMANT by HaYaLeT Valid XHTML 1.0 TransitionalValid XHTML 1.0 Transitional May 06 2024 02:31:43