:: ผู้อำนวยการโรงเรียน ::
นายชัชชัย พุทธสุวรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
Graphical counter from SEP 2550
Oh no! Where's the
JavaScript ?
Your Web browser does not have JavaScript enabled or does not support JavaScript. Please
enable JavaScript on your Web browser to properly view this Web site,
or
upgrade to a Web browser that does support JavaScript;
Firefox ,
Safari ,
Opera ,
Chrome or a version of
Internet Explorer newer then version 6.
แพทยสภาเตือน"สาวโรงงาน-นักท่องราตรี-กลุ่มวัยรุ่นฟังไอพอด"เสี่ยงหูหนวก ระบุเป็นแล้วเซลล์เสื่อมถาวร
แพทย สภาเตือน"สาวโรงงาน-นักท่องราตรี" กลุ่มวัยรุ่นฟังเอ็มพี 3 - ไอพอด เสี่ยง"หูหนวก" รักษาไม่ได้ เหตุได้ยินเสียงดังเกินปกติ แนะให้พักหู เลิกฟังเสียงดัง แต่ถ้าต้องคอยถามคนมาพูดซ้ำๆ ให้รีบพบหมอตรวจ เพราะกว่าจะรู้ตัว ก็สายเกินแก้
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา และผู้เชี่ยวชาญโรคหู คอ จมูก โรงพยาบาลสมุทรปราการ กล่าวเมื่อวันที่ 17 มกราคม ถึงกรณีวัยรุ่นไทยมีอาการเซลล์ประสาทหูเสื่อม ทำให้หูหนวกเพิ่มมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการฟังวิทยุ ไอพอดและเอ็มพี 3 ตลอดเวลาว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจจำนวนผู้ป่วยโรคเซลล์ประสาทหูเสื่อมใน ภาพรวมทั้งประเทศว่า มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากอดีต หรือมีตัวเลขการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กหรือผู้ใหญ่ ที่มีปัญหาเรื่องเซลล์ประสาทหูเสื่อม ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายและน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้เซลล์ประสาทหูกลับมาใช้งานได้ตามเดิม หากเกิดอาการเสื่อมแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเสื่อมถาวร มีบางกรณีที่เซลล์ประสาทหูอาจฟื้นกลับมาใช้งานได้ตามเดิม แต่พบได้น้อยมาก ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังและป้องกันหูให้ดีที่สุด
นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ คนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาเซลล์ประสาทหูเสื่อม มักจะรู้สึกตัวเมื่อมีอาการมากแล้ว คือเซลล์ประสาทหูเสื่อมไปมากแล้ว ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียง กว่าที่คนเหล่านี้จะมาพบแพทย์ ทำให้อาการของโรคเข้าสู่ระยะกลางของโรค คือ ได้ยินเสียงที่ดังเกินกว่า 40 เดซิเบลขึ้นไป ขณะที่คนปกติจะได้ยินในระดับที่ต่ำกว่า 20 เดซิเบล ดังนั้น ควรสังเกตอาการได้ยินของตัวเองเป็นประจำ หากต้องเปิดเพลง ทีวี เสียงดังขึ้นกว่าปกติ หรือต้องค่อยถามคนที่มาพูดกับเราซ้ำๆ ว่า "อะไรนะ,ไม่ได้ยิน,พูดอีกทีสิ" เป็นประจำ บ่อยๆ ก็ควรรีบมาพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจสภาพการได้ยิน
"การสูญเสียการได้ยินตั้งแต่ 20-80 เดซิเบล ถือว่ามีอาการเซลล์ประสาทหูเสื่อมแล้ว หากพบแพทย์ จะแนะนำให้ลดระดับเสียงให้เบาลง หากสูญเสียการได้ยินไปมากคือ ได้ยินเสียงในระดับ 60 เดซิเบลขึ้นไป แพทย์จะแนะนำให้ใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถได้ยินเสียงต่างๆ ได้ตามปกติ ช่วยให้ดำรงชีวิตประจำวันได้ตามเดิม แต่หากสูญเสียการได้ยินแบบ 100% แพทย์ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้" นพ.สัมพันธ์ กล่าวและว่า จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยโรคหูในปัจจุบัน พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุเป็นหลัก รองลงมาคือ ผู้ป่วยภาวะติดเชื้อในช่องหู ทำให้เป็นหูน้ำหนวกในที่สุด และกลุ่มสาวโรงงาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทอผ้า ที่ต้องอยู่กับเครื่องจักรเสียงดังลอดเวลา ส่วนกลุ่มเด็กวัยรุ่น ก็พบบ้างแต่ไม่มากนัก
"กลุ่มที่ต้องระมัดระวังมากที่สุด คือ กลุ่มสาวโรงงาน หรือกลุ่มที่ต้องทำงานในสถานที่ที่มีเสียงดังเกิน 80 เดซิเบล ติดต่อกันนานเกินวันละ 8 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะไม่ป้องกันตัวเอง ทั้งที่มีกฎระเบียบควบคุมอยู่แล้วคือให้ใส่เครื่องป้องกันการได้ยิน (ear plug) ก็จะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้" นพ.สัมพันธ์ กล่าว
นพ.สัมพันธ์ กล่าวอีกว่า ที่น่าสนใจคือ แม้แต่ในสถานบันเทิง ผับและเทค ที่เปิดเพลงเสียงดังอึกทึกครึกโครม ก็มีความเสี่ยงเซลล์ประสาทหูเสื่อม หรือทำให้หูหนวกได้เหมือนกัน ปัจจุบันเด็กวัยรุ่นนิยมเที่ยวสถานบันเทิงมากขึ้นด้วย ดังนั้น คนทำงานในสถานบันเทิง ทั้งพนักงาน เด็กเสิร์ฟ หรือนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงเป็นประจำก็มีความเสี่ยงหูหนวกสูง โดยสังเกตอาการได้ว่าหลังจากเที่ยวเสร็จจะได้ยินเสียงวิ้งๆ ในหู และไม่ค่อยได้ยินเสียงอื่น อาการคล้ายหูอื้อ ซึ่งเป็นการอาการของเซลล์ประสาทหูเสื่อมแบบชั่วคราว หากพักหู ไม่ฟังเสียงดังๆ อีก หูก็จะกลับมาได้ยินเหมือนเดิม
ข่าวจาก มติชนออนไลน์ 18/01/2010
Please Login to Post a Comment.
<< June 2024 >>
Mo
Tu
We
Th
Fr
Sa
Su
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
No events.
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก(EIT2)